ดอยม่อนจอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่

ลูกหาบเหงา

วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม 2560

เดินทางไปถึงเชียงใหม่เวลา 15:00 น. การบินไปช่วงกลาง ๆ ของวันหยุดยาว และบินกลับในวันทำงาน ทำให้ได้ตั๋วเครื่องบินที่ราคาไม่แพงมาก

จากสนามบินเชียงใหม่รับรถเช่าแล้วขับไปทาง อ.จอมทอง ผ่าน อ.ฮอด เพื่อเข้าสู่ อ.อมก๋อย ระยะทางประมาณ 200 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที เส้นทางเลย ฮอด มาแล้วเป็น ถนนสองเลน ขึ้นเขา และทางโค้งเยอะ จึงใช้ความเร็วได้ไม่มากนัก ผมมาถึง อมก๋อย เวลาประมาณ หนึ่งทุ่ม ท้องฟ้ามืดและอากาศเย็น

ที่อมก๋อย พักที่เฉลิมพันธ์รีสอร์ท 1 คืน 400 บาท ห้องพัดลม ห้องแอร์นี่ไม่จำเป็น เพราะอากาศเย็น ที่พักดีและอาหารอร่อย

เฉลิมพันธ์รีสอร์ท

วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม 2560

เช็คเอาต์และเดินทางไปกินอาหารเช้าที่ตลาดสดอมก๋อย พร้อมทั้งซื้อข้าวใส่กล่องไปกินเป็นอาหารกลางวัน อาหารเย็น และอาหารเช้าวันถัดไป ข้าวกลางวันเป็นข้าวผัด ส่วนอาหารเย็นเป็นข้าวเหนียวกับไส้อั่ว อย่างหลังอยู่ถึงเช้าก็ไม่เสีย ผมเอากล่องข้าวไปให้แม่ค้าใส่ ซึ่งจะแน่นหนาแข็งแรงและพกสะดวกกว่ากล่องโฟม ผมคิดว่าการค้างบนเขาแค่คืนเดียว ไม่จำเป็นต้องทำอาหาร จะได้มีเวลาไปดูดวงอาทิตย์ตกดิน  ส่วนน้ำดื่มเอาไปคนละสองขวด ขวดละ 1.5 ลิตร เพียงพอสำหรับการปีนเขาแบบ 2 วัน 1 คืน 

จากตลาดอมก๋อยก็ขับรถอีกประมาณ​ 1 ชั่วโมง มายัง "ที่ทำการหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ" ที่นี่เป็น "ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวขึ้นม่อนจอง" ด้วย โดยโทรจองกับคุณสบบัติ จนท. อุทยาน ล่วงหน้า (085-708-7441)


ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวขึ้นดอยม่อนจอง

เมื่อทุกคนพร้อม จนท. จะเรียกรถ 4WD มาให้ เพื่อใช้ขึ้นไปยังจุดเริ่มเดินเท้า เขาไม่อนุญาตให้ขับรถขึ้นไปเองนะครับ ทางลำบากและอันตรายมาก ผมไปกัน 2 คน จนท. เลยให้รวมกับอีกกลุ่ม 3 คน รวมเป็น 5 คน

รถ 4WD พาขึ้นม่อนจอง คนขับก็คือชาวบ้านมูเซอ

ที่หมู่บ้านมูเซอจะทำการรับลูกหาบด้วย น้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลต่อลูกหาบ 1 คน

ทางขึ้นลำลาก ชัน และ ลื่น

รถ 4WD ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. มายังจุดเริ่มเดินเท้า ปล่อยพวกเราลงพร้อมลูกหาบ ทางขึ้นม่อนจองเป็นทางเดินที่เห็นได้ชัดเจน ผมใส่รองเท้าผ้าใบธรรมดาก็เดินขึ้นอย่างไม่มีปัญหา และทางก็ไม่ได้ลำบากมาก เหมาะสำหรับคนปีนเขาใหม่ ๆ บริเวณกลาง ๆ ทางแนะนำว่าอย่าลืมปีนไปบน "ภูหินช่อ" ทางขึ้นมันจะเล็ก ๆ รก ๆ ต้องสังเกตดี ๆ วิวสวยดี ระยะทางเดินถึงจุดกางเต็นต์ประมาณ 4 กม. ใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชม.

ภูหินช่อ

บริเวณที่ดูเหมือนจะต้องอาศัยแรงกายแรงใจทั้งหมดคือ "ดอยหมาหอบ" ชันมากมาย บริหารกล้ามเนื้อก้นและต้นขาได้เป็นอย่างดี

ดอยหมาหอบ

พ้นดอยหมาหอบอย่าลืมถ่ายรูปกับธงชาติ หัวสิงห์อยู่ไกล ๆ โน้นนน

เลยดอยหมาหอบแล้วก็ถึงจุดกางเต็นต์ ที่นี่มีจุดกางเต็นต์ 3 จุด วันนี้กางจุดที่ 2 ลูกหาบบอกว่าจุดแรกหนาวมากและน้ำค้างลงเยอะ เลยให้ย้ายมากลางจุดที่ 2 ส่วนจุดที่ 3 นั้นเป็นบริเวณก่อนขึ้นดอยหมาหอบ เอาไว้ตอนที่นักท่องเที่ยวเยอะมาก ๆ เมื่อกลางเต็นต์เสร็จ ก็นั่งคุยกันซักพัก พอบ่าย 3 ก็เริ่มออกเดินไปยังหัวสิงห์ ระยะทางประมาณ 2 กม. เดินกันชั่วโมงกว่า ๆ จริง ๆ แล้วควรออกเดินทางให้เร็วกว่านี้ เดี๋ยวจะบอกนะครับว่าทำไม

ที่ซุกหัวนอนคืนนี้


หัวสิงห์อยู่ไม่ไกล

เมื่อถึงหัวสิงห์มองย้อนกลับไป หัวสิงห์อยู่ไกลจากจุดกางเต็นต์มาก ๆ เลย ประมาณยอดเขาสีเขียวที่สูงสุดโน้นนน

ทางที่เราเดินกันมา คนแลดูตัวเล็กไปเลย

คราวนี้มองไปอีกด้านหนึ่ง ทางด้านซ้ายของภาพจะเห็น หัวลิง (จินตนาการกันนิดนึง) ส่วนตรงกลางภาพเป็น เจดีย์ ตรงนี้แหละครับ ที่ผมบอกว่าควรต้องออกเดินให้เร็วหน่อย เพราะหัวลิงที่เห็นนั้นอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 2 กม. คราวนี้พวกผมมาถึงหัวสิงห์ช้า จะไปหัวลิงก็กลัวกลับไม่ทันดวงอาทิตย์ตก เลยไม่ได้ไป การเดินบนสันเขาขณะมืดอาจอันตราย เกิดไฟฉายเสีย ลมแรง ฝนตก ขึ้นมาจะลำบาก

หัวลิงซ้ายสุดของภาพ ที่กลางภาพมีเจดีย์อันเล็ก ๆ ด้วย

เมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงของดวงอาทิตย์ทำให้สีของเขาเปลี่ยนไป ตอนแรกสีเขียวตอนนี้สีส้มสวยงาม ส่วนใครอยากจะมาแบบเห็นหญ้าสีทอง ลูกหาบบอกให้มาช่วง ม.ค. ก.พ.

ภูเขากลางเป็นสีทอง

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม 2560

ตื่นแต่ตีห้า ออกเดินทางมาหัวสิงห์อีกครั้ง แต่มีแค่ผมกับเพื่อนที่มา คนจากกรุ๊ปอื่น ๆ ไม่เห็นนะ เดินกลางคืนเอาไฟฉายส่องทางที่เราเดิน เลยไม่เห็นทางยาว ๆ ข้างหน้า ทำให้ดูเหมือนว่าไม่เหนื่อย (555) ส่วนป้าย "ดอยม่อนจอง" นั้นถ่ายตอนเช้าสวยสุด เพราะป้ายหันเข้าหาดวงอาทิตย์พอดี

1,927 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล

และเช้า ๆ แบบนี้ ยังได้เห็นเมฆเลียเขาด้วย สวยงามมาก ๆ เลยทีเดียว

ถ้าถ่ายเป็นวีดีโอเก็บเอาไว้จะสวยมาก ๆ 

ขากลับเต็นต์ก็เลยถ่ายภาพเนินเขาใกล้ ๆ ลานกลางเต็นต์ ลืมบอกไปว่า ตอนกลางคืนอย่าเพิ่งรีบนอนนะครับ ออกมาบริเวณเนินนี้ มาดูดาวได้ ผมไปช่วงข้างแรม ดวงจันทร์ไม่ได้อยู่บนท้องฟ้า ดาวสวยมาก มองเห็นทางช้างเผือกด้วย

ความงามที่ไม่ไกลที่พักเลย

หลังจากกินอาหารเช้า (ไส้อั่วที่เตรียมไป) ก็เก็บเต็นต์ แล้วเดินลงเขา ตอนเดินลงเขาใช้เวลาไม่มากนักประมาณ ชั่วโมงครึ่งก็ถึง จากนั้นขึ้นรถ 4WD กลับหมู่บ้านมูเซอ // จ่ายค่าลูกหาบ และ 4WD ก็พามาส่งที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว // จ่ายค่า 4WD

สรุปค่าใช้จ่าย
ตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพ - เชียงใหม่ 2,700 บาท
ค่ารถเช่า 3 วัน 3,300 บาท ผมจองช้าน่ะครับ ก่อนหน้านี้เห็นราคาอยู่ที่ 2,300 บาท เอง แต่มัวโอ้เอ้ ราคาขึ้นเลย
ค่าลูกหาบ เขากำหนดที่ 600 แต่พวกผมให้ไป 800 น้องดูเด็ก แต่ขยันและแข็งแรงมาก น้องบอกจะเอาไปซื้อเสื้อผ้าปีใหม่ 
ค่า 4WD 2,500 บาท (ราคาสำหรับ 5 คน ครับ)

ดอยม่อนจองเป็นดอยที่ปีนไม่ยาก ด้านบนวิวสวยมากถึงมากที่สุด และพื้นที่ด้านบนก็ไม่ได้กว้างมากนัก ดังนั้นค้างคืนเดียวก็เพียงพอต่อการชมความงามของภูเขาทั้งหมด สามารถเตรียมอาหารไปได้เลยไม่จำเป็นต้องทำ และน้ำสองขวดใหญ่ก็เพียงพอ ลูกหาบดูขยันขันแข็งและบริการดี แม้ว่าตอนมาที่หัวสิงห์ จริง ๆ ลูกหาบไม่จำเป็นต้องมาด้วยก็ได้ แต่เขาก็มาเหมือนกับดูความปลอดภัยของทุกคน

หน้าหนาวถ้ายังไม่รู้จะไปไหนลองพิจารณาดอยม่อนจองเป็นตัวเลือกหนึ่งนะครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รายชื่อกลุ่มดาว 88 กลุ่ม

ดาวประจำเมือง / ดาวโต้รุ่ง / ดาวประกายพรึก